คดียักยอกเงินบริษัท เป็นคดีที่มีผลกระทบร้ายอย่างมากต่อธุรกิจและความมั่นคงของกิจการ สำหรับคนทำธุรกิจที่มีบริษัทเป็นของตัวเองนั้น แน่นอนว่านอกจากการให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาแล้ว การให้ความสำคัญกับการคัดเลือกบุคลากรก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะบุคลากรที่ต้องดูการเงินขององค์กร ซึ่งหากโชคร้ายคุณอาจจะได้ผู้ที่คิดร้ายต่อบริษัททำให้เกิด คดียักยอกทรัพย์บริษัทขึ้น และนั่นทำให้องค์กรหรือบริษัทของคุณต้องได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ตามมา
คดียักยอกเงินบริษัท คือ
สำหรับคดียักยอกเงินบริษัท หรือคดียักยอกทรัพย์บริษัท นั้นคือคดีที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดในฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา ด้วยความผิดในฐานยักยอกนั้นจะอยู่ในมาตรา 352 ที่มีการวางหลักว่า “ผู้ที่ครอบครองทรัพย์อันเป็นของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วย เบียดบังเอาทรัพย์ไปเป็นของตน หรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์” ทั้งนี้เมื่อเป็นคดีที่เกิดขึ้นในบริษัท จึงเรียกได้ว่าเป็นคดียักยอกทรัพย์บริษัท หรือเกิดขึ้นโดยคนในบริษัท ที่อาจหมายความว่า ลูกจ้างกระทำต่อนายจ้างได้
บทลงโทษคดียักยอกทรัพย์บริษัท
หากมีการสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พบว่าผู้ก่อเหตุ หรือจำเลยได้มีการกระทำที่ถือได้ว่าผิดจริง และศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดียักยอกทรัพย์ จะต้องได้รับ “โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” โดยยกตัวอย่างกรณีของการยักยอกเงินบริษัทเป็นกรณีศึกษา ดังนี้
นาย ค. เป็นพนักงานบัญชี และการเงินของ บริษัท เอ จำกัด โดยได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้จัดการทรัพย์สิน และรวบรวมเงินจากการขายสินค้าของบริษัท ซึ่งมีการนำส่งยอดซื้อทั้งหมดให้กับ บริษัท เอ จำกัดแล้ว แต่หลังจากนั้น นาย ค. ได้รวบรวมเงินจากการขายสินค้าบริษัทอีกครั้ง เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท แต่ครั้งนี้ไม่ได้นำส่งยอดทั้งหมดให้กับบริษัท เอ จำกัด แต่กลับนำเงินไปใช้ส่วนตัว ซึ่งนั่นถือว่ามีความผิดเข้าข่ายในฐานยักยอกทรัพย์บริษัท ทันที และเมื่อตัดสินแล้วว่าผิด ก็ต้องรับโทษตามที่ข้อกฎหมายระบุเอาไว้
ความแตกต่างระหว่าง คดีลักทรัพย์ และ คดียักยอกทรัพย์
ทั้งนี้หลายคนยังมีความสงสัยว่า ลักทรัพย์ กับ ยักยอกทรัพย์ นั้นเป็นคดีแบบเดียวกันหรือไม่ ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่ามันมีความแตกต่างอยู่บ้างเหมือนกัน โดยข้อสังเกตที่เรียกว่าแตกต่างกัน แยกได้ดังนี้
คดีลักทรัพย์
สำหรับคดีลักทรัพย์นั้นเป็นการเอาทรัพย์สินของนายจ้าง หรืออยู่ในการครอบครองของนายจ้าง ไปเป็นของตนเอง กรณีนี้ถือว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งคดีนี้จะมีความผิดตามมาตรา 335 ต้องจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000 – 100,000 บาท
คดียักยอกทรัพย์
สำหรับคดียักยอกทรัพย์ หรือ ยักยอกเงินบริษัท นั้นจะต้องเป็นการนำเอาทรัพย์สินที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของตนเอง เช่นเงินที่ต้องดูแลนำเข้าบัญชีบริษัทไปใช้จ่ายทั้งหมด กรณีนี้จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 353 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทบาทของที่ปรึกษากฎหมายในคดียักยอกทรัพย์นายจ้าง
เมื่อเกิดคดีความขึ้นแล้ว สิ่งที่จะทำให้ผู้เสียหายได้รับความยุติธรรมรวมทั้งได้ทรัพย์สินซึ่งอาจเป็นบางส่วนกลับคืนมา ก็คือการว่าจ้างที่ปรึกษาทางกฎหมายให้เข้ามาดูแล จัดการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิด โดยเฉพาะเมื่อเป็นความผิดที่เกี่ยวกับคดียักยอกเงินนายจ้าง หรือยักยอกทรัพย์นายจ้าง ที่ผู้กระทำผิดมักจะมีเล่ห์เหลี่ยม และรู้แนวทางในการกระทำผิดซึ่งมีผลให้การพยายามเอาผิดด้วยตัวเองอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นนี่คือบทบาทที่สำคัญของการปรึกษาบริษัทกฎหมาย
ความสำคัญของการจ้างทนายความในการดำเนินคดี
เมื่อมีการปรึกษากับทางบริษัทกฎหมายแล้วเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของพนักงานในองค์กรหรือในบริษัทจริง การจ้างทนายความเพื่อดำเนินคดีจึงเป็นเรื่องจำเป็น และสำคัญอย่างยิ่งสำหรับขั้นตอนต่อไป เพราะทนายความเป็นผู้ที่รอบรู้ด้านกฎหมาย รวมทั้งการหาข้อมูล รวบรวมเอกสารต่างๆ ในการยื่นฟ้องจำเลย ซึ่งในส่วนนี้หากเจ้าทุกข์ หรือโจทย์เป็นผู้ดำเนินการเองก็อาจจะต้องเตรียมตัวเรื่องเอกสารเป็นเวลานาน และอีกทั้งยังอาจพ่ายแพ้ต่อจำเลยเมื่อขึ้นศาลพิจารณาคดีได้อีกด้วย
ข้อดีของการมีที่ปรึกษากฎหมายด้าน คดียักยอกเงินบริษัท
มาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่า เมื่อคิดจะเปิดบริษัท หรือดำเนินกิจการด้วยตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องมีควบคู่กันไปด้วยก็คือ “ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย” โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับคดียักยอกทรัพย์ ที่เรียกได้ว่าสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีทนายความ และที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือดูแล เพื่อป้องกัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็เอาผิดต่อผู้กระทำความผิดให้ลงโทษด้วยการปรับ จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับตามข้อกฎหมายระบุไว้
สำนักงานทนายความสรศักย์ ที่ปรึกษากฎหมาย คดียักยอกทรัพย์
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่ปรึกษากฎหมายให้เข้ามาช่วยดูแลในส่วนของ คดียักยอกทรัพย์ ข้อแนะนำ “สำนักงานทนายความสรศักย์” ที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่มีประสบการณ์ และมีความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะคดีอาญา และคดีอาญาทุจริตทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อน และต้องมีความเข้าใจในด้านข้อกฎหมายรวมถึงเรื่องของเอกสารเมื่อต้องมีการฟ้องร้อง ซึ่งที่ สำนักงานทนายความสรศักย์ พร้อมที่จะดูแล ให้คำปรึกษา และจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมด เพราะเรื่องกฎหมายต้องให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล ทุกปัญหามีทางออกติดต่อสอบถาม เพื่อรับคำปรึกษาด้านการลงทุน ทำธุรกิจของท่านได้ที่ บริษัท สำนักงานกฎหมายสรศักย์และที่ปรึกษาสากล จำกัด: 49/78 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700
โทร: 081-692-2428, 094-879-5865
Facebook: บริษัท สำนักงานกฎหมายสรศักย์และที่ปรึกษาสากล จำกัด
Line: Sorasak